"คิดก่อนทำ จำกฏเกณฑ์ เร่งปฏิบัติ
เรามิใช่อัจฉริยะ ใช้ความมุมานะเป็นจุดยืน"
ผมมีบทความที่เกี่ยวกับ "ความมานะ" มาฝากคับ
ซึ่งนำมาจาก http://www.siamdara.com/ColumnDetail.asp?cid=237
มีเนื้อความดังนี้
ศุกร์ ที่ผ่านมา (20 มี.ค.) ผมได้ขออนุญาต ดร.โสภณ พรโชคชัย นำข้อเขียนของท่าน ซึ่งเขียนถึงความมานะของคนญี่ปุ่น ที่หมู่บ้านอุมะจิ อยู่บนเกาะชิโกกุ มาให้ท่านผู้อ่าน ''สยามดารา'' ซึ่งบางท่านอาจกำลังเผชิญภาวะเศรษฐกิจ เพื่อเป็นทางออก-ทางคิดทางหนึ่ง..
|
ยังไม่จบ...จึงขอนำเสนอต่อ
รัฐบาล ญี่ปุ่นส่วนกลาง นำนโยบายให้ประชาชนชาวสวน ชาวไร่ญี่ปุ่นแก้ปัญหาการปลูกส้มยูสุ ชาวเกษตรทุกคนน่าจะเชื่อรัฐบาล ก็ปลูกส้มกันใหญ่โต...เกือบทุกหมู่บ้านปลูกส้ม...ผลก็คือ...ส้มมันก็ล้นตลาด
รวมทั้งส้มของหมู่บ้านอุมะจิด้วย...
ชาวบ้านอุมะจิแย่อยู่แล้ว...มาเจอส้มล้นตลาดอีก คน...จนอยู่ก็ยิ่งจนหนัก...
ถ้าประชาชนบางประเทศ เจอแบบนี้เขาคงเดินขบวนเอาส้มมาเทกลางถนน แล้วก็เปิดถนนประท้วงแล้ว
แต่ชาวบ้านอุมะจิไม่ทำเช่นนั้น
พวกเขาเรียกประชุมกัน...เมื่อพึ่งรัฐบาลแล้วพัง...ก็ต้องพึ่งตัวเอง...
หมู่บ้านอุมะจิ อยู่ห่างตัวเมืองใหญ่เพียงร้อยกว่ากิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางมาประมาณ 2 ชั่วโมง...
ชาวบ้านมองไปรอบตัว...มองให้รู้ว่าหมู่บ้านเรามีอะไรบ้าง...
มีไม้...
มีส้ม...
แล้วก็มี...น้ำแร่ร้อน...
ขายไม้เจ๊งไม่เป็นท่า...ขายส้มก็เจ๊ง...เหลืออีกอย่าง...น้ำแร่ร้อน...
ลองเอาน้ำแร่ร้อนออกมาขายซิ...
เปล่า...ไม่ใช่เอามา ''กรอกขวด'' ขายมันง่ายไป...
ลงทุนอีกหน่อยซิ...ลงทุนเปิดโรงแรมเล็กๆ...แล้วให้คนในเมืองมาพัก...เพื่ออาบน้ำแร่ร้อน...
คำถามของชาวบ้านต่อมา...แล้วจะให้คนในเมืองรู้ได้อย่างไรว่า...เรากำลังเปิดโรงแรมให้คนญี่ปุ่นมาอาบน้ำแร่ร้อน...
คำตอบคือ...ต้องโฆษณา...
ไอ้การโฆษณานั้น...ก็ไม่ใช่ไปกราบไหว้วิงวอนขอให้เขาโฆษณาฟรี-ฟรี...ต้องระดมทุน...ทำโฆษณาสินค้าแบบทำธุรกิจกันเลย...
ครับ... ชาวบ้านหมู่บ้านอุมะจิ แม้จะยากจนจะแย่อยู่แล้ว เมื่อเห็นดีด้วยต่างก็ระดมทุนทุบกระปุกบ้าง หยิบยืมเงินญาติพี่น้องบ้าง ธนาคารบ้าง เอามาลงขันลงทุนกัน
แต่ก็มีคนค้านนะ...จนอยู่ แล้วถ้าลงทุนผิดพลาดมิหมดตัวกันหรือ...พอเพียงดีกว่าน่า...มีน้อยใช้น้อย... รอให้เศรษฐกิจรอบตัวเราดีขึ้น...แล้วเราก็ดีตามไปเอง...
คน ค้านน้อยกว่าคนสู้...คนญี่ปุ่นเขามีวินัย มีประชาธิปไตย...เสียงส่วนน้อยมีน้อยกว่าเสียงส่วนใหญ่...เสียงสู้-สู้... ช่วยเหลือตัวเองมากกว่าพอเพียง รอให้รอบตัวเขาดีแล้วดีตามเขา...
หลังจากทำโฆษณา คนในเมืองใหญ่แห่กันมาที่หมู่บ้านอุมะจิ นับหมื่นๆ คน มาเช้ากลับเย็นบ้าง มาค้างคืนบ้าง
เมื่อ มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยววันละนับพันคน...ชาวบ้านก็เอาไม้มาแกะ และเอาผลส้มมาขายบ้าง เอามาคั้นเป็นน้ำส้มขาย...ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า...จนกลายเป็นสินค้าส่งออกไป ขายนอกหมู่บ้าน เพราะนักท่องเที่ยวบางคนเป็นนักธุรกิจ
ชาวหมู่บ้านอุมะจิพลิกเศรษฐกิจให้กับตัวเอง เพราะความคิดของคนในหมู่บ้านช่วยกัน
แต่ ความร่ำรวย ความสำเร็จของชาวบ้านอุมะจิ ไม่ใช่แบบมวยวัดนะครับ เป็นการจัดธุรกิจแบบมีระบบ...ไม่น่าเชื่อว่า...ชาวบ้านจะทำได้...เขามี กลยุทธ์ดังนี้ครับ...
1. เขาขายตรงต่อผู้ซื้อ...ติดต่อตรงระหว่างผู้ผลิตกับผู้บริโภค
2. วิจัยผลิตภัณฑ์ แต่เดิมผลิตผลส้ม ผลิตน้ำส้มเข้มข้น ต้องเอาไปละลายน้ำก่อนดื่ม คนซื้อไปเกิดปัญหา เขาจึงวิจัยคิดสูตรน้ำส้มพร้อมดื่มทันที...นี่คือผลทางวิจัยของชาวบ้าน
3. พวกเขาไปออกบูทส่งเสริมการขาย
4. ชาวบ้านลงทุนจ้างมืออาชีพมาช่วย (ไม่ใช่มาขอฟรี) ออกแบบฉลากหีบห่อ
5. พวกเขาลงทุนโฆษณาไม่ใช่ขอฟรี เขาลงทุนโฆษณาทีวี โดยเสียเงิน ไม่ใช่ไปวิงวอนขอโฆษณาฟรี
6. พวกเขาสานสัมพันธ์กับผู้ที่มาเที่ยวในหมู่บ้าน เขาจะขอที่อยู่ วันเกิด แล้วก็ส่งบัตรอวยพรไป
มีอยู่อย่างหนึ่งที่คิดกันไม่ถึงคือ
ถนน เข้าหมู่บ้านตามปกติคับแคบเป็นหมู่บ้านชนบท...ทีแรกชาวบ้านก็อยากขยาย...แต่ ปรากฏว่า...นักท่องเที่ยวชอบบรรยากาศ บอกว่าเป็นชนบทดี...ชาวบ้านก็เลยยอมลำบากรักษามันไว้
นี่แหละครับ...เชื่อผมเถอะน่า...วันนี้...เราพึ่งใครไม่ได้แล้ว...กราบไหว้เทวดา-เทวดาก็ช่วยไม่ได้...
นอกจาก...เราต้องช่วยตัวเอง! |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น